หลักการของวิธีหยดนั้นไม่มีอะไรมากครับ เราเพียงใช้วัสดุกรองซึ่งส่วนใหญ่ใช้กระดาษ หรือบางทีเป็นตะแกรงโลหะ เพื่อกั้นกรองกากกาแฟไม่ให้ปนไปกับน้ำ ใส่กาแฟบดลงไปในตัวกรองแล้วราดน้ำร้อนผ่าน น้ำร้อนจะสกัดรสชาติจากผงกาแฟบดนั้นผ่านวัสดุกรองลงไปด้านล่างตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ถ้านี่เป็นการชงกาแฟคั่วในบ้านครั้งแรกของท่าน อุปกรณ์ที่ต้องจัดเตรียมไว้มีดังนี้ครับ
- กาแฟคั่ว บดขนาดกลาง หรือ medium grind
- dripper หรือกรวยกรอง สามารถใช้ได้ทั้งแบบพลาสติก เซรามิค โลหะ หรือแก้ว
- กระดาษกรองหรือตะแกรงกรอง สำหรับกระดาษกรองโดยทั่วไปมี 2 แบบคือแบบฟอกขาว กับแบบฟอกน้อย ซึ่งตามธรรมชาติแบบฟอกน้อยจะมีกลิ่นกระดาษแรงกว่า
- กาต้มน้ำร้อน จะเป็นแบบตั้งเตาหรือแบบไฟฟ้าก็ได้ครับ ส่วนตัวผมใช้แบบไฟฟ้า ที่เห็นในรูปคือยี่ห้อ tefal มีกำลังวัตต์สูง ก้นของกาเป็นเพลตโลหะทำหน้าที่เป็นฮีทเตอร์สามารถต้มน้ำให้ร้อนจนเดือดได้รวดเร็วมาก
- ถ้วยกาแฟ
ส่วนขั้นตอนการชงแบบกระชับจับเป็นใจความได้อย่างนี้นะครับ
- ต้มน้ำให้เดือดหรือเกือบเดือด
- พับกระดาษตามรูปทรงของดริปเปอร์ที่ใช้แล้ววางลงไป
- ราดน้ำร้อนล้างกระดาษเพื่อให้กลิ่นกระดาษจางลง น้ำร้อนที่ล้างกระดาษผ่านลงไปในถ้วยถือเป็นการอุ่นถ้วยด้วย
- ตวงกาแฟบดลงไปตามความเหมาะสม
- รอให้น้ำร้อนที่ต้มไว้เย็นลงสักหน่อยจึงราดลงไปบนกาแฟบดเล็กน้อยพอให้ชุ่ม เพื่อให้ผงกาแฟพองตัวและช่วยให้การสกัดกาแฟเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
- ค่อยๆ ราดน้ำร้อนตามลงไปช้าๆ
- น้ำกาแฟจากถูกสกัดและหยดลงมาในถ้วยด้านล่าง
ภาพประกอบที่นำมาให้ชมนั้นเป็นภาพของดริปเปอร์ยี่ห้อเคมเมกซ์ซึ่งผมชอบและใช้ค่อนข้างบ่อย เคมเม็กซ์ออกแบบโดยนักเคมีชาวอเมริกันมีจุดเด่นคือกระดาษกรองเป็นกระดาษชิ้นเดียวที่ต้องพับเอาและมีความหนาเป็นพิเศษ ประกอบกับรูปทรงที่ดูคลาสิคและทำความสะอาดได้ไม่ยาก ให้รสชาติกาแฟที่เต็มรส มีชื่อเสียงพอสมควรจนปัจจุบันชื่อเคมเม็กซ์ได้กลายมาเป็นคำกริยาคำหนึ่งแล้ว และถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ขณะนี้ในเมืองไทยมีผู้นำเข้ามาจำหน่ายแล้วครับ สนใจติดต่อบางกอกเอสเปรสโซแล็บได้
หากคิดว่าเคมเม็กซ์มีค่าตัวสูงเกินไปและกลัวแตกง่าย จะหันไปใช้ดริปเปอร์พลาสติกก็จะประหยัดกันไปใหญ่ ที่ซีททูคัพเราซื้อทั้งตัวดริปเปอร์และกระดาษกรองจากร้านไดโซะทุกชิ้นราคา 60 บาทถ้าซื้อต่อจากเราก็ขออนุญาติบวกค่าธุระจัดหาชิ้นละ 10 บาทนะครับ
ข้อคิดควรรู้สำหรับการดื่มกาแฟคั่วดังที่กล่าวไปผมขอฝากปิดท้ายไว้ดังนี้ครับ
- รสชาติขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ท่านต้องลองปรับการชงเองจนได้รสชาติที่พอใจโดยอาศัยหลักการชงกาแฟประกอบ
- ในทางสากลการดริปจะใช้กาแฟที่คั่วอ่อนกว่ากาแฟที่ใช้สำหรับเอสเปรสโซ รสชาติของกาแฟจะมีรสเปรี้ยวเล็กน้อยเป็นธรรมดา
- ส่วนตัวผมไม่นิยมดื่มตอนที่มันร้อนๆ หรือเพิ่งดริปเสร็จ เพราะว่ามัน “ร้อน” ครับจะลวกลิ้นได้และอาจมีรสขม รายละเอียดของรสชาติจะยังไม่ออกมา ผมนิยมรอให้กาแฟค่อยๆ เย็นลงอย่างอดทน จะทำให้ได้รสชาติและกลิ่นชัดเจนขึ้น อาจรู้สึกเปรี้ยวขึ้นเล็กน้อย แต่จะได้ความหอมหวานนุ่มนวลชัดเจนขึ้น
- ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องใส่นมหรือใส่น้ำตาลเลยใช่มั๊ยครับ
- ไม่ขม ไม่เข้ม …ทำไมล่ะครับ ทำไมต้องขม และคำว่าเข้มคืออะไรครับ
ขอให้ชงและดื่มอย่างรื่นรมย์นะครับ
สำหรับผมมันเป็นวิธีที่คลาสสิคและเรียบง่ายมากๆ (ชอบเอามาชงกินที่ทำงานก่อนพัก)
ปล. รูปสุดท้าย ชงกาแฟสดอยู่ดีๆ กลายเป็นเนสกาแฟซะงั้น (แอบตกใจ)
วันก่อนที่เห็น starbucks เป็นแบบ single cup dripper คือมีชุดชงอยู่ด้านบนแก้ว โดยเราใส่ผงกาแฟไปบนตระแกรงกรองเหนือแก้ว จากนั้นนำส่วนที่เป็นพลาสติกเจาะรูเหมือนบัวรดน้ำทับลงไป จากนั้นเทน้ำร้อนไปบนบัว เพื่อให้มันหยดลงไปบนผงกาแฟ (ซึ่งเราไม่สามารถคนหรือควบคุมการไหลของน้ำได้)ไม่ทราบว่าการชงแบบนี้เป็นอย่างไรบ้างคับ ในแง่ความสะดวกคงจะดี แต่รสชาติไม่รู้อ่ะ
หลังจากใช้ดริปแบบปกติอยู่พักใหญ่….
เพิ่งไปสอยเคมเม็กซ์จากคุณบุ๊งมา….
ไว้จะ…ลองกาแฟของคุณวุฒิดูบ้างครับ
ยังไม่เคยเห็นของสตาร์บัคซ์ที่ว่าครับ แต่เคยเห็นแบบที่เรียก clever dripper ของไต้หวัน มันจะมีวาล์วไว้ เราเทน้ำร้อนลงไปจนได้ระดับน้ำที่ต้องการ คนและปล่อยให้ตกตะกอนก่อนบนกรวยกรอง เมื่อต้องการดริปจึงเอาไปตั้งไว้บนถ้วยน้ำจึงค่อยๆ ไหลลงมา ถือว่ายิ่งสะดวกขึ้นไปอีกเพราะกะระดับน้ำง่ายขึ้น แต่รสชาติยังไม่เคยลองจริงจังครับ ไม่แน่ใจว่าจะอร่อยกว่าปกติหรือเปล่า
คุณ alienboon ถ้าดริปเพื่อดื่มแบบกาแฟดำแนะนำให้สั่ง single origin นะครับ แต่ถ้าดื่มใส่นม จะดริปด้วย espresso blend ก็ได้
“วันก่อนที่เห็น starbucks เป็นแบบ single cup dripper …”
The metal filter was supposed to give you a taste of coffee between french press and paper drip, ie relatively flavorful and clean cup as the metal filter allows coffee oil to go through while it’s fine enough to block the majority of particle that was infamous for French press.
However, I couldn’t achieve such cup with Starbucks and Tiamo 1 cup drip set.
I always get a very light cup of coffee with slightly less sludge or, sometimes as much sludge as French press. Beside, the coffee is way too cold in the cup, usually the first round as the drip takes forever (more than 4 minutes) and the water got way too cold in the brewer (IIRC, I measured around 170F in the shower head). Blame it on contact time for the first instance and the latter one, too long contact time which result in too cold extracting temperature.
Pretty much, I get an undesirable cup, ie weaker, less flavorful cup vs. both paper drip and French press, from both Starbucks and Tiamo, the latter seemed to copy the first one.
I blame it on my grinder as my Solis 166/Starbucks Barista has a rather rough setting of 10 positions. I think you need a decent and finder grinder like Solis 167 or better to achieve the claimed result. Just my guess.
Mind you that Starbucks 1 cup dripper has two versions. The previous one was made by the renowned Swissgold (indicated on both dripper and its package that it was made in Switzerland) and the last one that I saw which didn’t disclose the manufacturer. The one that was made from Swissgold is, IMHO, its industrial/commercial version as the mesh filter is silver in color, not the gold plated. The newer one is less expensive, making me wonder it was made in Asia, ie either by Tiamo of Taiwan or mainland China.
[...] เคยเล่าให้ฟังไปนานแล้วถึงการชงด้วยวิธีดริป ซึ่งผมถือว่าเป็นวิธีชงกาแฟในบ้านที่ง่ายและสะดวกมากๆ เป็นบันไดขั้นแรกที่อยากเชิญชวนให้หลายๆ ท่านใช้ในการหันมาดื่มกาแฟคั่ว [...]
ก่อนหน้าใช้เครื่องดริปแบบอัตโนมัติ
แต่ถ้าใช้ถ้วยกรอง จะทำให้เราราดน้ำได้ทั่วถึงกว่าครับ