เคยเล่าให้ฟังไปนานแล้วถึงการชงด้วยวิธีดริป ซึ่งผมถือว่าเป็นวิธีชงกาแฟในบ้านที่ง่ายและสะดวกมากๆ เป็นบันไดขั้นแรกที่อยากเชิญชวนให้หลายๆ ท่านใช้ในการหันมาดื่มกาแฟคั่ว
ต่อเมื่อได้เครื่องชั่งละเอียดแบบดิจิตอลมาใหม่ ซึ่งสามารถชั่งได้ละเอียดถึง 1 ใน 10 กรัม จึงนำมาใช้ช่วยชงกาแฟด้วยวิธีดริป เพื่อให้สามารถทำซ้ำได้ง่ายๆ ในคลิปจะเห็นว่าเราใช้กาแฟ 12 กรัม ต่อน้ำประมาณ 145 กรัม ในถ้วยใบเก่าของเรา ถือเป็น brew ratio ที่ทดลองแล้วให้รสชาติดีลงตัวที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่เราไว้ใช้ชงกาแฟแบบ single origin ที่เรามีจำหน่ายอย่างเช่นกาแฟ India Kalledevarapura Estate
ส่วนเพลงประกอบ ถ้าใครต่อเฮดเซ็ทหรือออกลำโพงแล้วชอบแต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร ขออนุญาตให้เป็นข้อมูลประกอบคือเพลง wish you were here ของเฮลี เซลส์ ที่บางคนบอกว่าสไตล์คล้ายแจ็ค จอนสัน แม้ฟังเสียงแล้วเล็กๆ ทำนองน่ารักๆ หากมาดูเนื้อเพลงนั้นเป็นแบบชวนคิดนำเสนอแบบคนช่างฝัน ใครฟังไม่ทันยังหาดู lyric จากกูเกิ้ลได้ครับ
เรื่องเพลงประกอบเดี๋ยวนี้ยูทูปจัดการตามเจ้าของลิขสิทธิ์ว่าจะแบนด์ หรือจะแทรกโฆษณาเข้ามาแทน ขอให้เราฟังกันอย่างสบายใจไปก่อนนะครับถ้าถูกแบนด์เมื่อไหร่เสียงจะเงียบไปเอง
note: ขอประชาสัมพันธ์ตรงนี้นะครับ สำหรับสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ม.ค. นี้ เรามีกาแฟสุมาตรา แมนดีลิ่งจากอินโดนีเซีย ซึ่งชงแบบดริปให้บริการครับ มีจำนวนจำกัดหมดแล้วหมดเลย ท่านใดไม่แน่ใจโทรมาคอนเฟิร์มก่อนได้ครับว่ายังเหลือหรือไม่ที่ 085 หนึ่ง61 6428
How come I missed this video?
Question:
1. Have you tried V60/chemex type paper brew system? This Melitta style seemed to be much easier as it has tiny pour for water to stay vs. an almost no barrier to water for V60 and chemex.
2. Temperature and timing: the pour and rest makes me wonder how long the brewing process is as the video has some cut/editing. Any effect4 on the longer time than approx 2:40 minutes on the cup, ie bigger body to obscure other tasting note? Also, whether the temperature was stable enough all the way. What temperature are you using. Do you pour the water directly from the kettle after boil or just get it from espresso machine? If the latter, will the drip brew taste better with freshly boiled water as the water in espresso may be boiled for too long if one doesn’t flush the new one in there
3. How much do you pay for the special kettle? Is it good at retaining the temp, ie how much temperature dropped within say 2 minutes. From the rough work I had, it’s 1 degree celcius for Hario Buono Kettle and 2-3 degree for Tiamo Kettle. Not much but factoring in the temp drop when water was poured from higher up from kettle to the brew funnel, it could mean something.
4. Do you have preference on bleached/unbleached filter? Any different tastewise?
5. Do you plan to use Clever Coffee Dripper in the future? I try it before and found it more forgiving to pouring technique so much so that it may worth while saving training time. I’m thinking of buying one but hesitate as if I don’t use it, it will be lying around with lots of coffee tool I bought (so far I have four press pots and like Hario relatively ‘clean” cup the most)
1. ใช้แล้วครับ ชอบตรงพกพาง่ายกว่าเคมเม็กซ์
2. ผมใช้น้ำร้อนจากหม้อต้มไฟฟ้า ต้มจนเดือดปุดแล้วตั้งทิ้งไว้สักพัก เคยใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดดูเหมือนกัน ตอนไฟตัดวัดได้ประมาณ 98c รอสักพักจะลดลงเหลือประมาณ 95-92c ไม่เคยเทียบกับน้ำจากเครื่องเอสเปรสโซเหมือนกันครับ เลยไม่แน่ใจว่ารสชาติจะต่างกันกี่มากน้อย ส่วนเรื่องเวลานั้นผมไม่ได้จับเป็นเรื่องเป็นราว เพียงแต่จะบดกาแฟให้หยาบพอให้น้ำไหลผ่านได้ต่อเนื่องไม่ขาดตอน เท่าที่ทำมากับน้ำประมาณ 140g จะใช้เวลาประมาณ 2 นาที
3. กาอันนี้น่าจะพันกว่าบาทครับ จำราคาแน่นอนไม่ได้ เรื่องรักษาอุณหภูมิดีแค่ไหนไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่เอามาใช้เพราะตัว spout ทำมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทำให้เราควบคุมน้ำได้ง่ายมาก
4. bleached เท่านั้นครับ เนื่องจากไม่มีกลิ่นมารบกวนมาก
5. กำลังจะทดลองครับ แต่เท่าที่เห็นค่าตัวไม่แรง น่าจะซื้อมาลองดูครับ ฟังคนอื่นเขาวิจารณ์อาจไม่เหมือนเราลองด้วยตัวเอง
ในความคิดผมเรื่องอุณหภูมินั้น หากเราใช้กาใบเดิมทุกครั้งก็ปล่อยให้การลดลงของอุณหภูมิเป็นไปตามธรรมชาติของมัน แต่เราสามารถชดเชยด้วยเวลาในการสกัดคือจังหวะการหยอดน้ำลงไป รวมถึงระดับการบดกาแฟ และปริมาณน้้ำต่อปริมาณกาแฟ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถชดเชยเรื่องอุณหภูมิได้ สำคัญว่าเราต้องชิมให้รู้และคิดต่อให้ได้ว่าจะปรับอะไรอย่างไร ซึ่งต้องทดลองไปเรื่อยๆ ครับ
น้ำร้อนเตรียมจากเครื่อง เอสเพรสโซ่ ก็ได้ปกติน้ำร้อนจากเครื่องเอสเพรสโซ้ประมาณ 78 ถึง80 องศาซีเท่านั้น ยังใช้ดริปกาแฟไม่ได้ ถึงได้ก็ไม่ออกรส แนะนำให้ใช้ไอจากเครื่องชง ฮีทน้ำร้อนขึ้นอีก ให้ได้ 90 ถึง 98 องศา เท่านี้ก็หมดปัญหา เวลาดรีปรินน้ำร้อน ปรีฮีทแล้วรอให้กาแฟบลูมสัก 35 วินาที แล้วค่อยหยดน้ำรัอนให้ทั่วกาแฟ หยดแล้วค่อยๆ หยอดน้ำร้อนตามสุดท้ายค่อยรินน้ำร้อนให้ไดรวมเวลาทั้งหมดไม่ควรเกิน 3 นาที ผมว่าไม่ควรเรียกว่าราดน้ำร้อนฝ้งแล้วน้ำมากเกินไป
สวัสดีคะ..ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่สนใจการชงกาแฟแบบดริปนะ…ดิฉันว่ามันเหมืิอนเป็นศาสตร์และศิลป์ของกาแฟเลยนะคะ…แต่ดิฉันมีของสงสัยว่า ถ้าเราเราจะชงเป็นLatte Drip เราควรใช้กาแฟคั่วแบบใด และใช้ปริมาณเท่าไรในการชง Latte Drip คะเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีนะคะ..จะนได้นำไปชงทานที่บ้านนะคะ..ขอบคุณมากๆเลยนะคะ..ที่แบ่งปันความรู้ดีๆแบบนี้นะคะ
ไม่แน่ใจคำว่า latte drip นะครับ เดาเอาว่าคงหมายถึงกาแฟดริปใส่นมเป็นกาแฟนม กาแฟคั่วควรใช้ที่ไม่คั่วอ่อนจนเกินไป จะได้รสชาติกาแฟ และได้รสนุ่มนวลมากหน่อย แต่การชงในบ้านเราลองได้หมดครับ สนุกดี ชอบแบบไหนเดี๋ยวเราจะได้ค้นพบด้วยตัวเองครับ
ขอบคุณความรู้ที่แบ่งปันให้กันนะคะ…ขอถามว่า..ถ้าวันหนึ่งเรานำการชงแบบดริปมาดำเนินธุรกิจ พี่คิดว่า เมนู ลาเต้ดริป น่าจะเหมาะกับคนไทย มั้ยคะ
ผมก็ไม่แน่ใจว่าเมนูอะไรเหมาะกับคนไทยนะครับ ส่วนตัวผมเองไม่ดื่มกาแฟนมมานานแล้ว แต่อย่าไปสนใจคนไทยเลยครับ จะขายกาแฟให้สนใจคนในทำเลที่เราอยากขายมากกว่าว่ามันพอจะขายได้มั๊ย ของทุกอย่างในโลกนี้ขายได้ทั้งนั้น แต่จะขายที่ไหน ขายใคร ขายอย่างไร ให้ธุรกิจมันไปได้ อันนี้เป็นเเรื่องที่เราต้องพยายามกันนะครับ