เอางัยดีกับแฮมเบอร์เกอร์ ?

ข่าวประโคมโหมอยู่ทุกวัน หุ้นตกแล้วตกอีก บริษัทยักษ์ใหญ่ล้มเป็นโดมิโน แฮมเบอร์เกอร์มันเป็นพิษ เอสเปรสโซเลยทำท่าว่าจะขม ส่วนต้มยำกุ้งเขาว่าชามมันจะเล็กลง

คราวนี้ไม่เหมือนเมื่อสี่ศูนย์ ท่านว่าเมื่อตอนนั้นเงินเราแทบไม่เหลือหรอ ฝรั่งดาหน้าเข้ามาช็อปของถูกกัน แต่คราวนี้เงินเราเยอะกว่า ในขณะที่หนี้น้อย แต่กลับกันคือตอนนี้ลูกค้าเราย่ำแย่คาดว่าแรงซื้อจากฝรั่งจะน้อยลง เมื่อตอนนั้นบ้านเมืองเรียบร้อยผู้บริหารทุ่มเทร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหา มาคราวนี้สมาธิการบริหารราชการแผ่นดินไม่ค่อยดีเพราะบ้านเมืองแบ่งเป็นหลายสี การเมืองอยู่ในช่วงปรับตัว แล้วคนทำกาแฟเล็กๆ อย่างเราจะเอายังงัยดีล่ะครับ

ผมพอได้คุยกับหลายๆ คน ยังเห็นความคิดที่หลากหลาย บ้างว่าเตรียมตัวรัดเข็มขัด คิดจะลงทุนอะไรขยายอะไรคงต้องชะลอไว้ก่อน ในขณะที่บางท่านกลับบอกว่าถือเป็นโอกาสที่จะได้ทำเลที่ดีในราคาที่ถูกลง การต่อรองในเรื่องต่างๆ จะง่ายขึ้น ฝั่งเพื่อนๆ ซัพพลายเออร์ท่านก็ว่า อาจจะมีคนที่เออรี่ออกมาลงทุนร้านเล็กๆ มากขึ้น คนที่ทำธุรกิจมาก่อนหรืออยู่มานานแล้วย่อมได้เปรียบ เรียกว่าในวิกฤตยังมีโอกาสเสมอ

ส่วนตัวผมยังแอบคิดว่า ถ้าการผลิตหดตัว น่าจะมีแรงงานคุณภาพหลุดรอดมาถึงร้านกาแฟเล็กๆ มากขึ้น นี่จะเป็นโอกาสที่ดีในอันจะได้มาซึ่งคนที่ดีมาช่วยงาน เพราะสำหรับผมแล้วธุรกิจทุกประเภทโดยเฉพาะธุรกิจเล็กๆ อย่างเราสำคัญที่สุดคือเรื่อง “คน”

ยกขึ้นมาคุยบ้างครับให้ร่วมสมัยพอได้คลายเครียด และหวังว่าจะได้ไอเดียว่าเราควรจะเตรียมตัวรับอย่างไร หรืออย่างน้อยมีกำลังใจมาแบ่งปันกันบ้างก็ยังดี

You can leave a response, or trackback from your own site.

7 Responses to “เอางัยดีกับแฮมเบอร์เกอร์ ?”

  1. Z says:

    วันแรกที่มีประกาศว่า ปีหน้าจะมีคนตกงานกว่า ล้านคน … ก่อนจ่ายเงินเดือนไม่กี่่วัน ลูกน้องบางคนขู่จะลาออก เพราะเพื่อนผมเตือนเรื่องมารยาท การเล่นกับลูกค้า นี่เค้าไม่กลัวตกงาน หรือ ว่างานร้านกาแฟมันหาง่ายกันนะ ?

    ผมหวังว่า น่าจะมีแรงงานคุณภาพจากร้านที่เค้าขู่และลาออกมา มาที่ร้านผม และ ลูกน้องเก่าผมก็ลาออกไปอยู่ร้านนู้นแทน เฮ้อ…งานนี้ เจ๊ากันครับพี่น้อง

    ปล. ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส แต่ทุกโอกาสมักจะมาไม่ถึงเราครับ คุณวุฒิ

  2. boblam says:

    I agree with Khun vudh on more opportunity for a “little” luxury in life like artisanal coffee though there is always a fine line about the right move and investment at the wrong time. Instead of the more expensive wine, this could be a chance some convert to coffee if one could hit the right spot.

  3. skipper says:

    มนุษย์เงินเดือนแบบผมก็หวั่นๆอยู่นะ ตกงานมาทำไงล่ะเนี่ย

    คงไปเป็นแรงงานเก็บเมล็ดกาแฟมั้งครับ 55+

  4. BK says:

    ร้านกาแฟ อินดี้ คงต้องรวมตัวเป็น Alliance กัน

  5. วุฒิ says:

    คุณ Z..ตอนนี้ขอแค่โอกาสอยู่รอดก่อน สำหรับผมพอแล้ว

    คุณ BK..มีความคิดเรื่องนี้มานานแล้วครับ สำหรับซีททูคัพนี่เดี๋ยวถ้าเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นอีกนิดจะส่งข่าวนะครับ

    คุณ Boblam..I do like the word “little luxury”
    anyway,as you mentioned,the difficult part is how to hit the right spot.

    คุณ skipper..เคยได้ยินว่าบางสวนให้โลละ 7 บาทนะครับ เคยไปดูเขาและลองเก็บดูบ้าง มือใหม่อย่างเรากว่าจะได้กิโลหนึ่งนี่เล่นเอาท้อไปเลย คนที่ดื่มส่วนใหญ่ไม่เคยรู้หรอกว่ากว่าจะมาเป็นกาแฟที่เราดื่มกันนั้นมันผ่านความเหนื่อยยากมาแค่ไหน..ยังไงขอให้กอดเก้าอี้ให้แน่นๆ ไว้ก่อนนะครับ

  6. boblam says:

    From Khun vudh post,

    >>I do like the word “little luxury”
    anyway,as you mentioned,the difficult part is how to hit the right spot.>>

    I agree. What I think is a great way to do but nobody seriously adopted in the part of the world is the co-promotion of custom blend for fine restaurants. I think the local roaster should approach the restaurant to formulate the blend to go well with the food type.

    The restaurant serves such coffee, mostly likely as a filtered coffee due to the level of the skill required to make a decent cup, preferably in a French press which allows impressive presentation and freshly prepared coffee all the times (minimize the staleness of the drip coffee in an airpot and the fastidious skill required to make a decent espresso).

    If possible, the restaurant should devote a page or two for coffee, talking about roaster, origin, tasting note, pairing etc, in the same fashion as a decent fine wine. The wording should be the responsibility of roaster.

    The restaurant should offer the bean for sale to customers as a souvenir from the restaurant on the spot, kinda bring back the good memory of such fine restaurant back home, particularly in the tough time like this so that customers will think of the restaurants next time they want to have a good time.

    At the same time, roaster also markets such blend in a gourmet outlet or gourmet section of a supermarket, increasing the present and awareness to both roaster and restaurant, a copromotion. The restaurant will be viewed as meticulous for the way they treat their customers, right to the last drop of their coffee. The roaster got a free introduction and, hopefully, customer will follow through with its other products, ie other single origins or espresso blends

    Also, the offering should be on a local cooperation, further fortified a buy local thing to its customer base and the level of care and attentiveness that goes into the cup from the active participation betw roaster and restaurants themselves.

    Hopefully, this should help raise the image of coffee a bit closer to the level of wine at fine restaurant.

    The idea came from what Counter Culture Coffee did and I myself used to taste custom blend for each famous restaurants in the area long as a guide of how the restaurant was before I actually paid a visit to the restaurant itself.

    See more here

    http://bkksprolab.com/board/index.php?PHPSESSID=e4dc3b3f52a6601fd6a5a35013da8925&topic=12.0

  7. ฟห้กฟ่าก says:

    ผมเป็นวิศว ตกงานมา เป็นปีแล้ว จะอดตายอยู่แล้ว รัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น คนไม่ตกงานถ้าไม่เลือกงาน ผมเป็นผจก.จะให้ไปทำงานขายกาแฟเหรอ จะให้ไปเป็นรปภ.เหรอครับ ถ้างั้นพวกท่านลองมาทำดูก่อนดิ ว่าในความจริงกับความฝันมันต่างกัน ทุกวันนี้อดมื้อกินมื้อแล้ว

Leave a Reply

Powered by WordPress | Designed by: Premium Themes | Best Themes Gallery, Find Free WordPress Themes and Top WordPress Themes